website จะเป็นศูนย์กลางของแทบทุกอย่าง
โดยเราจะต้องมีชื่อ domain name ก่อน
เราไปจดทะเบียนเองได้ที่ผู้ให้บริการ domain registrar ทั่วไป (แนะนำ joker.com) และควรใช้อีเมลที่เราใช้ประจำในการจดทะเบียน เพราะ registrar จะเมลแจ้งเราเมื่อใกล้ถึงกำหนดต่ออายุ ถ้ารู้ตัวช้าไป และไปต่อหลังจากหมดอายุไปแล้ว จะโดนบวกราคาแพงขึ้นมาก หรือ domain เราอาจมีคนอื่นซื้อไป แล้วต้องตามไปซื้อกลับมา ในราคาแพง
เมื่อได้ domain name แล้ว ก็จะสามารถเช่าพื้นที่เว็บ (web hosting) ได้ และบริการอันแรกที่เราสามารถมีได้ ก็คืออีเมลที่เป็นชื่อ domain เราเอง ซึ่งควรจะใช้งานให้คุ้มค่า เช่น name@mydomain.com ใช้สำหรับติดต่อธุรกิจในนามของกิจการเว็บนี้ทั้งหมด (การใช้อีเมลฟรีทั่วไปเช่น hotmail, yahoo-mail ในการติดต่อธุรกิจ จะถูกมองว่า ค่อนข้างมือสมัครเล่น) และมีอีเมลอื่นๆ สำหรับตำแหน่งงานอื่นๆ ในธุรกิจของเรา
สำหรับเว็บไซท์ในระยะเริ่มต้น ผมแนะนำว่า คงจะเริ่มจากข้อมูลที่สำคัญและจำเป็นจริงๆ ก่อน คือต้องมีข้อมูลสำหรับการติดต่อได้ เช่นที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมลที่ใช้ในการติดต่อกับลูกค้าโดยเฉพาะ (เช่น info@mydomain.com) แผนที่ที่ตั้ง(กรณีมีหน้าร้าน)และขึ้นอยู่กับแนวทางในการประชาสัมพันธ์กิจการของเรา และน่าจะมีช่องทางให้ลูกค้าสามารถส่งข้อความมาถึงเราได้สะดวก เช่นหน้าส่งเมลออนไลน์
เว็บไซท์ในเบื้องต้น ยังไม่จำเป็นต้องมีลูกเล่นอะไรมากนัก เน้นให้ข้อมูลสำคัญตามที่บอกไป เน้นที่รูปสวยๆ (แต่ต้องครงกับความเป็นจริง) เพราะลูกค้าตัดสินใจกันที่ข้อมูล ราคา ว่าคุ้มค่ากับที่เขาจ่ายไปหรือไม่ (หากไม่ตรงกับความเป็นจริง จะสร้างผลเสียในเชิง brand image ซึ่งถือเป็นมูลค่าที่มหาศาลกว่ามาก)
ที่สำคัญคือ การสร้างเครือข่ายประชาสัมพันธ์เพื่อทำให้กิจการเป็นที่รู้จัก เช่นการทำเว็บ Blog เขียนเรื่องราวที่เกี่ยวกับกิจการของเรา เป็นประจำ และหาทางทำลิ้งค์กลับมาที่เว็บหลัก หาทางติดต่อกับเว็บที่เป็นศูนย์กลางในกิจการประเภทเดียวกันกับเรา หรือกิจการที่เกี่ยวเนื่องกัน ให้มีเรื่องราวของเราอยู่ในนั้น และถ้าสามารถทำลิ้งค์กลับมาได้ ก็ยิ่งดี
ตัวอย่างที่ยกให้ดู คือ haadsonresort.com เขาจะมีเว็บ blog ที่ทำประกอบกัน คือ haadsonhappening.com พูดเรื่องราวเกี่ยวกับเหตุการณ์ต่างๆ ของรีสอร์ท โดยเว็บหลักก็จะไม่มีลูกเล่นอะไรมากนัก เน้นให้ข้อมูลครบ และเป็นช่องทางที่ลูกค้าสามารถติดต่อได้
เน้นการมีข้อความที่เป็น keyword ที่อยากให้ search และจัดทำโครงสร้างของเว็บ ให้ Google สามารถเข้ามา index ได้ง่าย ยกตัวอย่างกรณีเว็บ haadsonresort.com จึงขึ้นเป็นอันดับต้นๆ เมื่อลูกค้าค้นหาข้อมูลใน Google เกี่ยวกับ ที่พักบริเวณเขาหลัก หาดสน ตามที่เคยคุยกับทาง haadsonresort.com มีลูกค้าที่ search เจอและเข้ามาจองที่พักโดยตรง มีจำนวนมากพอสมควร และมีมาเรื่อยๆ
นอกจากนั้น สำหรับการเอากิจการของเรา ให้เข้าไปอยู่ในฐานข้อมูลของเว็บใหญ่ๆ ก็มีส่วนช่วยมาก เช่นกิจการโรงแรม ก็ควรเข้าไปอยู่ใน tripadvisor.com ด้วย ซึ่งจะเป็นเว็บที่เขารีวิวโรงแรมที่พักต่างๆ และมีลิ้งค์ไปเว็บจองที่พัก และลิ้งค์มาเว็บหลักของเรา พวกนี้ก็มีส่วนช่วยในอันดับการค้นหาด้วยเช่นกัน เว็บ tripadvisor เป็นเว็บที่รวมการรีวิวโรงแรม ดังนั้นการรีวิวที่ดี ก็จะมีผลในการตัดสินใจเลือก ของผู้ที่มาเข้าชม
ในปัจจุบัน มีการใช้ social network กันมาก ซึ่งก็สามารถใช้เป็นช่องทางการประชาสัมพันธ์กิจการของเราได้ โดยไปสร้างใน facebook, twitter, instagram และโพสท์ รูปและข้อความต่างๆ ที่เกี่ยวกับกิจการของเราได้ เมื่อเราเคยติดต่อกับลูกค้าคนไหน และมีอีเมลของเขา ก็สามารถเอาไปค้นใน facebook และ add friend กันได้ เขาก็จะได้รับข่าวสารจากเราอยู่เรื่อยๆ ก็เป็นโอกาสในการกลับมาใช้บริการซ้ำอีก หรือเผยแพร่เรื่องราวดีๆ ของเรา กระจายไปในหมู่เพื่อนๆ ของเขาได้
นอกเหนือจากนี้ ก็คือการจ้างทีมงานการตลาด เพื่อให้ช่วยทำการตลาดให้เราได้รอบด้านมากขึ้น ผมเองไม่มีความรู้ตรงนี้เท่าไรนัก คงต้องสอบถามจากทีมงานที่ได้รับการแนะนำมา ดังนั้น การทำเว็บไซท์ ในเบื้องต้น ยังไม่จำเป็นต้องหรูหราอลังการมากนัก เน้นที่ข้อมูลครบ รูปสวยๆ เยอะๆ และมีช่องทางให้ลูกค้าติดต่อกลับได้ง่าย ถ้ากิจการเราติดตลาดแล้ว มีผลประกอบการที่ดี ค่อยมาปรับปรุงให้ดีขึ้นภายหลังได้(แต่ก็ต้องไม่หลงทางจนเสียลูกค้าไป) เพราะเว็บควรจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เรื่อยๆ ในช่วงแรกเน้นที่การสรางช่องทางอื่นๆ และประสานสัมพันธ์เข้าด้วยกัน ตามที่ผมเขียนอธิบายไว้ จะดีกว่าครับ